Penang, Malaysia (Don't stop this train)
นี่คือบันทึกการเดินทางที่ไม่ใช่การรีวิวว่าอะไรควรไปหรือว่าสิ่งใดห้ามพลาดในปีนังเราแค่บันทึกช่วงเวลาดีๆที่ได้เดินทางไปกับเพื่อนของเราตลอดห้าวันสี่คืน ความตั้งใจที่จะต้องทำให้ได้ในปีนี้คือเดินทางให้ครบสามประเทศ คือ ลาว มาเลเซียและเนปาล ทริปนี้จึงค่อยๆก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากแค่สองคนจนสุดท้ายได้สมาชิกทั้งหมดสี่คนถือว่ากำลังดีในการจองที่พักและเดินทาง
พวกเราตัดสินใจเดินทางขาไปด้วยรถไฟกรุงเทพ - บัตเตอร์วอร์ธ ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 24 ชั่วโมงมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น เคยคิดมาตลอดว่านั่งรถไฟนานๆต้องเบื่อแน่ แต่เอาเข้าจริงๆมันสนุกมาก เราจะได้อ่านหนังสือพร้อมวิวข้างทางสวยๆ แอบฟังบทสนทนาของคนที่เพิ่งรู้จักกัน เข้าห้องน้ำที่ต้องทรงตัวตลอดเวลา นั่งเฉยๆคิดอะไรสักพัก ที่สำคัญเราได้นอนเตียงชั้นสองบอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากเพราะกลัวตก สุดท้ายหลับสบายมากตื่นมาอีกทีก็เจ็ดโมงเช้า (อยู่บนรถไฟทำให้เรานอนเร็วตื่นเช้า)
เปลี่ยนขบวนที่หาดใหญ่ |
เมื่อเดินทางมาถึงบัตเตอร์วอร์ธ จะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ไปฝั่งปีนังในราคา 1.2 ริงกิต พวกเราไม่ได้จองที่พักใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเดินหาที่พักย่าน Love Lane ด้วยสัมภาระที่หนักและความเหนื่อยล้าจากสภาพอากาศที่ร้อนจึงทำให้พวกเราไม่มีอารมณ์จะหาสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเราก็ได้ที่พักแถว Cambell ในราคาแสนถูกเนื่องจากเพิ่งเปิดบริการ แถมเจ้าของยังบริการดีมากๆ ทั้งแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยว จองที่พักที่กัวลาลัมเปอร์ให้ ถ้าไม่มีเธอพวกเราคงเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ เธอน่ารักมากๆเลยล่ะ
วันที่สามในปีนังพวกเราเดินรอบเมือง Gorge town ตามล่าหางานศิลปะต่างๆ ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทคือ งานเพ้นส์และงานลวดดัด บ้านเมืองที่ปีนังจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสไม่มีตึกสูง ส่วนตัวชอบมองผนังที่หลุดร่อนตำหนิที่ทิ้งไว้ของประวัติศาสตร์และกาลเวลา มันสามารถบอกอะไรเราได้มากมายตึกอาคารที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันกลับลงตัว ที่ปีนังมีเรื่องแปลกคือที่นี่มีหลายเชื้อชาติศาสนามากทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม เรียกได้ว่าเป็นพหุวัฒนธรรม คือแค่เราหันหลังก็เจอกับอีกกลุ่มนึง ย่าน China Town ก็มีแต่คนพูดจีน ย่าน Little India ก็มีแต่คนอินเดียผิวดำจนเราต้องมานั่งคิดว่าแท้จริงแล้วเราอยู่ที่ประเทศอะไร คนมาเลเซียแท้ๆหน้าตาเป็นอย่างไร เราเกิดคำถามมากมายระหว่างที่เดินสำรวจเมืองปีนัง
งานศิลปะแนวเพ้นส์ที่เราพบเห็นในปีนังถ้ายิ่งเป็นชิ้นเด็ดๆ คนจะไปถ่ายรูปด้วยค่อนข้างมากทำให้สีหลุดร่อนออกไป บ้างก็มีร้านค้าไปตั้งบดบังทัศนียภาพทำให้สเน่ห์หายไป ที่ปีนังมีคาเฟ่น่านั่งเยอะมากมีหลายบรรยากาศเลยแล้วแต่ความชอบ แต่พวกเราเหนื่อยกันมากเลยเลี้ยวเข้าไปในร้านที่มีแอร์พร้อมสั่งโค้กสามกระป๋องเมื่อเห็นราคาก็แทบช๊อตเพราะคำนวนแล้วตกกระป๋องละร้อยบาท แม่จ้าวววววว พวกเราเลยนั่งแช่เก็บบรรยากาศอยู่นาน(สงสัยบรรยากาศที่นี่คงแพง)
วันนี้เราใช้เวลาทั้งวันเดินจริงๆ เดินจนไม่ต้องกางแผนที่ เดินไปเจอในที่ๆเราตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ที่ปีนังอาหารอร่อยและราคาค่อนข้างถูกแต่ที่เราชอบมากๆคือ Asam Laksa มันอารมณ์เหมือนอุด้งในแกงส้มมะขามใส่ปลากระป๋องคือมันอร่อยมาก แล้วก็ White coffee ที่นี่ขึ้นชื่อมากอร่อยกลมกล่อมหรือจะเป็นชานมก็อร่อยไม่แพ้กัน แนะนำให้ไปหาร้านแถวๆ Old town ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเฉยๆ อ่อๆ เกือบลืม Lok Lok มันคือลูกชิ้น ผัก เนื้อ อะไรก็ตามแต่เอาไปเสียบไม้แล้วเอาไปลวกก่อนกิน แต่ความพิเศษของมันอยู่ที่เราจะต้องยืนกินและลวกในหม้อที่แชร์กับคนอื่น ขอบอกว่าตอนกินสนุกมากเลยล่ะ แย่งกันหยิบแย่งกันลวกแย่งกันจิ้ม น้ำจิ้มเค้ามีให้เลือกเยอะมากแล้วแต่ความชอบเป็นอาหารที่เรากับเพื่อนกินกันทุกวันเลย
ระหว่างที่เราอยู่บนรถไฟมีพนักงานบนรถไฟได้บอกกับเราว่าคนมาเลเซียใจดีและใส่ร้าpคนไทยว่าใจร้ายเพราะเขาเคยไปเที่ยวแถวพัทยา ตอนนั้นเราโกรธมากเลยบอกพี่เขาไปว่าก็พี่ไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นพี่ก็ต้องเจอคนแบบนั้นซิ ให้ตายดีนะเพื่อนห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้ทะเลาะกันแน่ แต่ส่วนตัวขอยืนยันว่าคนไทยน่ารักกว่าเยอะ:)
Photo : Vicvi Wanvisa
Filmcamera : Nikon FM10/Kodak plus200
Comments
Post a Comment