เชียงใหม่บ้านเพื่อน
หลังจากกลับจากเนปาล ชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปด้วยการตัดสินใจบางอย่าง เป็นการตัดสินใจที่ในตอนนั้นยังไม่มั่นใจว่าถูกหรือผิด ชีวิตก็เป้ๆไม่ค่อยปกติจึงอยากไปไหนก็ได้คนเดียวไกลๆสักระยะนึง ในที่สุดจึงได้ตัดสินใจไปบ้านเพื่อนที่แม่อาย เชียงใหม่
โดยปกติแล้วฉันจะไปเชียงใหม่ปีละ 2-3 ครั้ง ถือว่าเยอะระดับนึง ไปแต่ละครั้งก็จะไปอาศัยพักพิงกับเพื่อนที่ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อนพาไปเที่ยวบ้างจึงยังไม่เคยมีทริปที่ได้อยู่กับตัวเองจริงๆสักครั้ง และในครั้งนี้ก็คิดได้ว่าเอาว่ะ ลองอยู่กับตัวเองจริงๆสักครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ทบทวนตัวเอง ทบทวนความคิดและความรู้สึก
ฉันใช้เวลา 2 วัน 2คืนที่บ้านเพื่อน แม่อายอำเภอที่ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว เงียบสงบและมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ฉันใช้เวลาในแต่ละวันอย่างเชื่องช้าที่นี่เวลามีเหลือเฝือ วันๆนึงหมดไปกับการสนทนาเรื่องชีวิตและความรัก เดินเที่ยว นั่งรถเที่ยวแลัวก็กิน ฉันได้ค้นพบร้านกาแฟเล็กๆที่ฝางเป็นร้านที่มีหนังสือดีๆขายมากมายจนฉันเลือกไม่ถูก ได้กินข้าวซอยร้านอร่อย ซื้อสตอเบอร์รี่แสนถูกจากชาวเขา มีที่อ่านหนังสือเย็นสบายพร้อมวิวหลักล้านที่ฉันสามารถมองเห็นแม่น้ำที่ขนาบด้วยภูเขา
ทุกเช้าและเย็นฉันจะได้กินอาหารพื้นเมืองจากฝีมือป้าของเพื่อน พิเศษตรงที่ผักที่นำมาทำนั้นปลูกเองทุกอย่าง อาหารมีทั้งผักกาดจอ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกตาแดง ปลาทอด แกงกบ ใช้มือปั้นข้าวเหนียวร้อนๆช่วยคลายหนาว ลำขนาดจ้าววว
เช้าวันที่สามฉันนั่งรถตู้จากแม่อายเพื่อเข้าตัวเมืองเชียงใหม่เป็นสามชั่วโมงที่ได้อยู่กับตัวเองอย่างจริงๆจังๆ ได้ทบทวนตัวเองที่ผ่านมาว่าเราเป็นยังไง ที่ผ่านมาพบเจอใครบ้าง ความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้นช่างวิเศษเหลือเกิน แต่ฉันกลับมองภาพตัวเองในอนาคตไม่เจอ พอถึงตัวเมืองฉันก็จับรถประจำทางเพื่อไปพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมแต่ปัญหาอยู่ตรงที่คุณลุงคนขับแกไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน ฉันจึงบอกไปว่าเดี๋ยวเปิด GPS ถึงเมื่อไหร่จะกดอ็อดเรียก ลำบากนิดหน่อยเพื่อแลกกับค่าโดยสารราคาถูกเพียงแค่ 15 บาท ถ้าไปรถแดงคงเสียหลายร้อยบาท
ระหว่างที่นั่งรอรถออกก็ได้ยินเสียงคนถามคุณลุงว่าไปพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมมั้ย ลุงก็งงๆตอบไม่ถูก เลยหันไปบอกคนนั้นว่ากำลังจะไปพอดีเดี๋ยวบอกทางให้ แหนะทำตัวเป็นเจ้าถิ่นไปอีก เอาเข้าจริงๆฉันกังวลมากว่าจะหาพิพิธภัณฑ์นี้ไม่เจอแต่สุดท้ายเราทั้งสองก็ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ฉันโชคดีมากที่ได้มาตรงกับวันที่อาจารย์คามินมาจัดแสดงงานแถมมาบรรยายด้วยตัวเองอีกซะด้วย วันนั้นคนที่มาเยี่ยมชมไม่เยอะ บรรยากาศจึงสงบเหมาะอย่างมากในการมาดูงานศิลปะ
สุดท้ายฉันก็ออกมาเจอกับคนที่นั่งรถมาด้วยกัน ถามไปถามมาเป็นศิลปินทำหนังสั้นที่ไปแข่งขันมาแล้วมากมายในเวทีระดับโลก ยิ่งคุยก็ยิ่งมีจุดเชื่อมโยงคือพี่เขาไปอัมพวาบ่อยมากและชอบที่นั้นมากเช่นกัน ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่ได้เจอมิตรสหายเพิ่มขึ้น
หลังจากนั่งรถกลับมาที่ตัวเมืองเชียงใหม่ก็มีเหตุการณ์อีกมากมายทั้ง ยืนโบกรถแดงเพื่อไปวัดสันติธรรมอยู่นานมากแต่ไม่มีไปสักคันจนต้องเดินไปเรื่อยๆตามแผนที่ในมือถือ จนได้เจอกับคุณลุงเลยถามทางคุณลุงก็ให้คำแนะนำที่ดีมาก ฉันก็เดินไปในจุดที่คุณลุงบอกแต่ก็ยังเรียกรถแดงไม่ได้สักทีจนถอดใจ
เลยคิดว่าเอาว่ะจุดนี้ตุ๊กตุ๊กก็ได้แต่เมื่อเจอกับราคาเป็นอันต้องถอดใจรอบสอง ฉันต่อราคาเหลือครึ่งเดียว คนขับก็ไม่ยอดลดให้ แต่แล้วฉันก็ได้รับคำแนะนำจากคุณลุงขายล็อตตารี่ด้านหลังว่าให้เดินข้ามแยกไฟแดงนี้ไป ฉันประทับใจคุณลุงคนนี้มากเพราะถึงแม้แกจะไม่สมประกอบทางร่างกายแต่จิตใจประเสริฐนัก
เมื่อได้รับคำแนะนำฉันก็รีบเดินจ้ำๆ สักพักฉันก็เห็นตุ๊กตุ๊กคันเดิมมาจอดเทียบแล้วบอกว่า ราคาที่น้องบอกก็ได้ ฉันดีใจมากรีบกระโดดขึ้นรถทันที จุดนั้นคือเหนื่อยมากเดินก็ไกลของก็หนัก สุดท้ายฉันก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแถมมีพี่ที่รู้จักขับรถไปส่งที่อาเขตอีกต่างหาก มานั่งคิดวันนี้มีเรื่องราวให้จดจำมากมายช่างแตกต่างจากวันทำงานที่ฉันเจอแต่เรื่องเดิมๆ
ถ้ามีคนถามว่ามีที่ไหนที่สามารถพักใจได้นอกจากบ้าน ก็มีที่นี่แหละเชียงใหม่ มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เราคงได้เจออีกเร็วๆนี้แน่นอน :)
Comments
Post a Comment