Laos สองสามคน part 1

ลาวเป็นประเทศที่สามที่ฉันได้เดินทางในปีนี้


แต่ครั้งนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นเพื่อนสมัยมัธยมสองคนคือแซนและนัน พวกเราค่อนข้างสนิทกันมันจึงทำให้ทริปนี้ค่อนข้างสนุกและไม่ต้องทำอะไรที่ต้องแข่งกับเวลา ทันคือทันแต่ถ้าไม่ทันก็ปล่อยมันไป

เราเริ่มเดินทางตอนเย็นวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเวลาที่ค่อนข้างจะลงตัวเพราะงานทุกอย่างเสร็จแล้ว พวกเราจึงไปเที่ยวอย่างสบายใจ พวกเราเดินทางด้วยรถบัสจากสถานีหมอชิตโดยมีปลายทางที่หนองคาย ถึงหนองคายประมาณตีห้าครึ่งและด้วยความโชคดีที่รุ่นพี่ของนันกลับไปบ้านที่หนองคายพอดี ดังนั้นพวกเราจึงแวะอาบน้ำกินข้าวที่บ้านของพี่ชะมดก่อน แน่นอนไม่มีอะไรเร่งรีบตอนนั้นคิดแค่ว่าขอให้ถึงหลวงพระบางเป็นพอ กินข้าวอาบน้ำเสร็จเราก็เดินทางไปที่ด่านเพื่อทำหนังสือเดินทางแต่ระหว่างที่เราต่อแถวอยู่นั้นก็ได้รู้จักกับคู่สามีภรรยาที่น่ารักมากๆ เรียกเราว่าลูกตลอด แถมคุณลุงยังสอนวิธีใส่ฟิล์มให้ด้วยสุดท้ายเราก็ต้องแยกกันเพราะพวกเขาไปแค่เวียงจันทร์



ทุกครั้งที่เราจะหารถเพื่อไปอีกที่หนึ่งในลาวมักจะมีคนมารุมเพื่อเสนอให้เราเดินทางไปกับเขา แต่เนื่องจากเพื่อนที่เคยมาลาวเตือนเอาไว้ดังนั้นจึงมีสติและเลือกเดินทางด้วยรถ local bus ตลอดการเดินทาง แต่ก็โชคดีด้วยล่ะที่เจอคนใจดีนำทางตลอด ที่น่าขำก็คือเราเจอคนลาวที่นั่งรถมาจากกรุงเทพด้วยกันที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาเลยนำทางให้แต่ก็ไม่ใช่จะถูกนะ เชื่อตัวเองดีที่สุด

สุดท้ายเราก็ได้ขึ้นรถบัสไปหลวงพระบางโดยคนที่นั่งมาด้วยบอกว่าใช้เวลาเดินทางสิบชั่วโมง ตอนนั้นคิดว่าหลับไม่กี่ต่ืนก็คงถึง แต่เอาเข้าจริงๆจะตื่นกี่สิบรอบก็ยังไม่ถึงสักที ยังดีที่วิวสองข้างทางสวยมากโดยเฉพาะเมื่อเลยวังเวียงมาจะเห็นแนวภูเขาสลับกับทุ่งนาสีเขียวขจี อากาศเริ่มเย็นเราเปิดกระจกให้ลมเข้าตอนนี้เริ่มเข้าใจว่าไม่ต้องนั่งรถแอร์ก็ฟินได้ เราสูดอากาศเต็มปอดตื่นเต้นกับวิวสองข้างทาง แต่ไม่นานเราก็เริ่มชินและเหนื่อยกับการนั่งรถนานๆ โชคยังดีที่คนขับรถแวะพักให้เราเข้าห้องน้ำเป็นพักๆ ยิ่งเริ่มมืดผู้โดยสารที่มากับเราเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ สองข้างทางเริ่มเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีลักษณะบ้านพื้นติดดิน  รถเริ่มไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยเมื่อมองไปทางซ้ายจะพบกับเหว พวกเรานับถือความสามารถของคนขับจริงๆเพราะโค้งเยอะมากและเขาไม่ท่าทางว่าจะเหนื่อยเลย ยังจำความรู้สึกที่ฟ้ามืดและไม่มีไฟข้างทางเวลารถสวนกันทีนะโครตเสียวเลยเพราะต่างฝ่ายต้องวัดใจกันเพื่อไม่ให้ชน

ตอนนี้เราเริ่มมองไม่เห็นสองข้างทาง ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้วอากาศข้างนอกหนาวเย็นมากจนเราต้องปิดกระจก ฉันกับเพื่อนนั่งแยกกันคนละเบาะเพราะไม่ค่อยมีผู้โดยสาร เพื่อนฉันชี้ให้ดูดาวบนท้องฟ้า ฉันมองขึ้นไปเห็นดาวเยอะมากเหมือนว่าฉันอยู่ใกล้กลุ่มดาวเหล่านั้นจนสามารถเอื้อมมือคว้ามาได้ มีความสุขมากแต่สักพักพวกเราก็เริ่มคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงเพราะสามทุ่มแล้วและที่สำคัญพวกเราไม่ได้จองที่พักที่หลวงพระบาง ตอนนั้นกลัวว่าถ้าถึงดึกเราจะไม่มีที่นอนกัน



นอนไปได้อีกหนึ่งตื่น พอลืมตาขึ้นมาเริ่มเห็นหมู่บ้านข้างทาง รถแล่นอยู่บนพื้นราบไม่มีโค้งตอนนั้นคิดว่าถึงสักที นั่งบนรถไปอีกพักใหญ่ พวกเราสามคนก็ถึงหลวงพระบางในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง พอลงจากรถก็พบคนขับรถตุ๊กๆเสนอว่าจะไปส่งที่โรงแรม แต่พวกเราตัดสินใจว่าจะเดินไปเรื่อยๆบอกตามตรงว่าตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนของหลวงพระบางคิดอย่างเดียวว่าแค่มีที่พักนอนคืนนี้ก็พอ

พวกเราเดินไปเรื่อยๆ บังเอิญเจอคนมาเลเซียที่นั่งรถมาด้วยกันเลยเดินตามเขา ตอนหลังเขาหันมาแล้วถามว่าพวกคุณหาโรงแรมอยู่ใช่มั้ย เมื่อตอบว่าใช่เราก็เดินหาโรงแรมด้วยกัน ส่วนมากโรงแรมที่เราเข้าไปถามจะเต็มหมดแล้ว ตอนนั้นเหนื่อยกันมากๆ ไม่สนใจแล้วว่าราคาจะเท่าไหร่ขอแค่ได้อาบน้ำนอนเป็นพอ สุดท้ายเราก็ได้โรงแรมซึ่งในหนึ่งห้องจะมีเตียงใหญ่หนึ่งเตียง เราจึงบอกว่าขอเช่าห้องเดียวแต่นอนสามคนได้มั้ย เขาบอกว่าไม่ได้กลัวเตียงหัก (คือนอนกันเฉยๆจะหักได้ไงว่ะ) ตอนนั้นขี้เกียจมีปัญหาเลยจ่ายไปสองห้องแต่สุดท้ายเราก็นอนห้องเดียวกัน ฮ่าๆๆ

พอได้อาบน้ำจัดการสัมภาระวางแผนกิจกรรมพรุ่งนี้แล้วมาคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่นั่งรถมาทั้งตลอดวัน พวกเราก็นั่งขำกันเพราะจะมีใครที่มั่วและไม่ได้วางแผนได้ขนาดนี้ ขนาดเรื่องรถยังชิวเดินหาแบบไม่กลัวตกรถเลยทีเดียว เอาล่ะ!!
หมดไปอีกหนึ่งวันที่ลาว



อากาศคืนนี้เย็นมาก ขนาดเปิดแค่พัดลมยังนึกว่าเปิดแอร์เลย หลับเป็นตายเลยค่ะ ลาวสองสามคน :)

Comments