Loas ลาวสองสามคน Part 2

เช้าวันที่สองที่ลาว อากาศหนาวจนพวกเราไม่อยากลุกจากเตียง.....


    ก่อนนอนพวกเรามีข้อตกลงกันว่า พรุ่งนี้เช้าเราจะไปตักบาตรกันที่ในเมือง ฉันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่งหลังจากนั้นพวกเราสามคนก็นอนหลับเป็นตายเพราะเพลียจากการนั่งรถมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกดังฉันตื่นขึ้นมาปิดแล้วนนต่อเพราะอากาศตอนนั้นดีมากและรู้สึกว่ายังไม่หายเพลียต้องการแรงสำหรับการเที่ยวในวันนี้ ฉันตื่นอีกทีตอนแปดโมงเช้ามองไปข้างๆยังไม่มีใครคิดจะตื่นสักคนสงสัยแผนตักบาตรของพวกเราจะล่มซะแล้ว ฉันตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวจนเพื่อนอีกสองคนรู้สึกตัวจึงตามมาอาบน้ำติด พอทุกคนเสร็จตอนนั้นจึงเปลี่ยนแผนเป็นเดินเช้าตัวเมืองหลงพระบางและรีบหาโรงแรมที่ใกล้พระธาตุภูศรีให้ได้ก่อนเที่ยง จากนั้นค่อยย้ายของเข้าที่พัก



เราเดินไปเรื่อยๆ เมื่อเริ่มไม่แน่ใจในจุดหมายค่อยถามชาวบ้าน จากการถามทางทำให้เราได้คำศัพท์มาหนึ่งคำ คือคำว่า "ซื่อๆ" แปลว่าตรงไป พวกเราเอามาเปรียบกับคำว่า "คนซื่อ" ในภาษาไทย ที่แปลว่า คนตรงๆ จะว่าไปแล้วภาษาเราก็ใกล้เคียงกันมาก เดินไปเราก็แวะถ่ายรูปไปจนกระทั่งเราไปเจอร้านกาแฟร้านหนึ่งชื่อว่า ดาวกาแฟ พวกเราคงหิวกันมากจึงเดินเข้าไป ภายในร้านตกแต่งสวยมากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูวินเทจและมีราคา อารมณ์เหมือนร้านกาแฟนรสิงห์ของบ้านเรา ราคากาแฟไม่แพงแถมรสชาติก็ใช้ได้เลยทีเดียวนอกจากกาแฟอร่อยๆแล้วที่นี่ยังมีของฝากเช่น ผลไม้อบแห้ง ชารสผลไม้ ซึ่งเรามารู้ตอนหลังว่ากาแฟดาวเป็นกาแฟที่มีชื่อเสียงมากดังยิ่งกว่าเนสกาแฟบ้านเราซะอีก ใช่เล่นๆนะพวกเราเข้าร้านดังซะด้วย


ถึงตอนนี้พวกเราหิวกันมากๆแต่ก็เบื่อเฝ่อ เดินๆไปเรื่อยๆเราก็เห็นร้านหนึ่งคนขายเป็นผู้หญิงดูยิ้มแย้มแจ่มใส ในร้านมีคนกินอยู่จึงคิดว่ารสชาติน่าจะโอเคอยู่จึงเดินเข้าไปสั่งตำบักหุ๋งกับเฝ่อ ใครจะไปคิดว่าตำบักหุ๋งจะอร่อยขนาดนี้เรายกให้มื้อนี้เป็นมื้อที่เด็ดที่สุดในทริปเลยทีเดียว กินเสร็จเราก็มุ่งหน้าเดินเข้าตััวเมืองเพื่อหาที่พัก เดินไปสักพักเราก็เห็นยอดของพระธาตุไม่รอช้าพวกเราจึงมุ่งหน้าเดินหาที่พักซึ่งเราก็ได้ที่พักมาในราคาน่าเอ็นดูคือสามร้อยกว่าบาทแถมอยู่ติดกับพระธาตุเลย เมื่อได้ที่พักเป็นอันสบายใจพวกเราก็เดินสำรวจแถวนั้น อารมณ์เมือนเดินถนนคนเดินแถวปายแต่ที่ไม่เหมือนคือผู้คน ร้านทุกร้านล้วนน่าเข้าอาจจะเพราะเจ้าของร้านที่เป็นคนลาวอัธยาศัยดีขี้อายนิดๆ เดินสบายคนไม่เยอะ อะไรรอบๆตัวมันดูน่ารักไปหมด ก่อนที่ฉันมาที่นี่มีแต่คนพูดถึงหลวงพระบางต่างๆนาๆว่าไม่เห็นจะมีอะไรเลยก็เหมือนถนนคนเดินบ้านเรา ฉันว่าพวกเราคงตัดสินเมืองนี้เร็วไปอาจเพราะคุณเที่ยวตามไกด์บุ๊คเที่ยวตามรีวิว คุณไม่ได้เปิดใจซะทีเดียวไงล่ะเป็นเพราะคุณรู้จักที่นี่ผ่านความคิดคนอื่นคุณไม่ได้เที่ยวด้วยตัวคุณเอง ฉันกับเพื่อนชอบที่นี่มากๆเพราะเราเที่ยวด้วยตัวเองไม่ได้ไปอ่านรีวิวของใครมา ดังนั้นพวกเราจึงตื่นเต็นกับทุกสิ่งที่ได้พบและประทับใจในความน่ารักของคนลาว

พวกเรานึกขึ้นได้ว่าจะต้องกลับไปเอาของที่ที่พักเก่าแต่จะให้เดินไปก็คงไม่ไหวดังนั้นพวกเราจึงเช่าจักรยานคนละคันเพื่อปั่นกลับที่พัก ตอนปั่นนี่ซิลำบากเพราะที่ลาวเค้าปั่นเลนขวากัน เมื่อถึงก็รีบเก็บของเปลี่ยนชุดและเช็คเอ้า จากนั้นก็รีบปั่นไปที่พักใหม่สัมภาระบนหลังก็หนักมาก ปั่นไปก็บอกทางกันไปดูหน้าดูหลังให้คนที่นั้นไม่เหมือนคนไทยตรงที่เค้ามีมรรยาทพอที่จะให้ทาง (ต่างจากที่กรุงเทพที่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวรู้ว่าจะข้ามถนนยังอุตส่าห์ขับมาจี้แล้วก็บอกว่าก็คุณมัวแต่ดูซ้าย แล้วมรึงล่ะมองมาตรงๆไม่เห็นหรอว่าจะข้าม) กว่าจะถึงที่พักพวกเราก็หมดแรงซะแล้ว


เมื่อเก็บของเสร็จพวกเราก็ออกไปเดินเล่น เดินไปสักพักเราก็หิวอีกแล้วจึงเลือกร้านแถวนั้น มื้อนี้เป็นมื้อใหญ่เชียวล่ะสั่งไม่อั้นด้วยเหตุผลที่ว่า เราควรจะกินอะไรดีๆซะบ้าง ฮ่าๆๆ เราสั่งสลัดลาว(อันนี้ชอบมากให้ห้าดาว รสชาติเปรี้ยวๆกินกับผักสดๆโคตรอร่อยเลย) มันฝรั่งทอด พิชซ่ากว่าจะกินเสร็จก็บ่ายสามแล้วพวกเราเลยตัดสินใจไปปั่นจักรยานเที่ยวกันโดยเลือกเส้นทางเลาะริมแม่น้ำโขง สองข้างทางสวยมากทั้งตึกต่างๆ เราปั่นไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายอยากถ่ายรูปก็หยุด มีคุณลุงคนหนึ่งถามว่าไปเที่ยวฝั่งโน่นไหม พวกเราจึงตอบไปว่า บ่ บ่มีเงิน คุณลุงถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว ปั่นไปเรื่อยๆเราก็ไปเจอกับวัดๆหนึ่ง พวกเราไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไรแต่เห็นว่ามีฝรั่งเข้าไปดูจึงคิดว่าน่าจะมีอะไรน่าสนใจ เมื่อหาที่จอดจักรยานได้เราก็เดินไปเยี่ยมชมถ่ายรูปแบบพอเป็นพิธีก็กลับมาเอาจักรยาน ตอนนั้นสังเกตุเห็นร้านตรงข้ามมีคนนั่งหน้าร้านเป็นโต๊ะ ทางเข้าเป็นประตูสีเขียวและเห็นป้ายหน้าร้านว่ามีไอศกรีมขายจึงหันไปบอกเพื่อนว่าไปกินไอติมกัน พวกเราจึงเข้าไปจอดจักรยานและเดินเข้าไปในร้าน มันต่างจากที่พวกเราคิดเพราะมันคือร้านชิคที่ซ่อนตัวอยู่ในหลวงพระบาง ข้างในมีแต่ฝรั่งคน(ขายยังเป็นฝรั่งเลย) ตกแต่งแบบร่วมสมัย อารมณ์เหมือนอยู่ทองหล่อไม่ผิด เราสั่งไอศครีมมากินกันรสชาติไม่ถึงกับชอบมากแต่ก็อร่อยดี ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่าชื่อร้าน Joma ซึ่งเป็นร้านกาแฟตกแต่งแนวฝรั่งเศสที่ดีที่สุดในลาว (อ่าวววแล้วร้านดาวกาแฟที่เราไปมาล่ะคืออัลไลลลล) มันคือความโชคดีของเราอีกแล้วที่ปั่นมาเจอ ฮ่าๆๆ


กินเสร็จเราก็รีบปั่นเอาจักรยานไปคืนแต่คิดไปคิดมาปั่นเที่ยวอีกหน่อยล่ะกัน จึงทำให้เราปั่นไปเจอสะพานที่เราเห็นไกลๆจากริมโขง มันเป็นสะพานโครงเหล็กที่มีพื้นเป็นไม้ ฉันกับเพื่อนเดินเลาะไปกลางสะพานเพื่อที่จะถ่ายรูปแต่สภาพไม้ที่ผุพังก็ทำให้ฉันถึงกับขาสั่นก้าวไม่ออกไปได้ยังไม่ถึงสะพานก็หยุดก้าวต่อไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ จากนั้นเราก็รีบปั่นเอาจักรย่นไปคืนและกลับที่พักเพื่อจะรีบขึ้นพระธาตุไปดูพระอาทิตย์ตก แต่ว่าเราจะหาทางขึ้นและว่าจะเดินขึ้นพระอาทิตย์ก็ตกไปเรียบร้อยแล้ว เหนื่อยมากๆๆๆแต่ก็คุ้มที่เดินขึ้นมาดูวิวของหลวงพระบางอากาศข้างบนก็ดีแต่ถ้าอยู่นานไปกว่านี้คงเดินลงลำบากเพราะฟ้าเริ่มมืด พวกเราจึงรีบเดินลงไปที่ถนนคนเดินด้านล่างของพระธาตุ เราเดินไปเจอตรอกของกินที่ร้านทุกร้านจะเป็นแนวบุฟเฟในราคา 40 บาทแต่ตักได้ครั้งเดียวกี่อย่างก็ได้อาหารรสชาติไม่แย่เหมาะสมกับราคา ร้านที่ถนนคนเดินของที่มาขายไม่ค่อยแตกต่างกันหรือจะเรียกว่าเหมือนกันหมดก็ว่าได้ขึ้นอยู่กับคุณพอใจราคาร้านไหน ต่อได้ต่อไปแม่ค้าที่ลดให้สุดๆ เมื่อซื้อของฝากเสร็จพวกเราก็เดินกลับที่พัก คนที่นี่ค่อนข้างนอนเร็วเราเดินลัดไปทางริมแม่น้ำดขงสองข้างทางค่อนข้างมือแต่แปลกพวกเราไม่รู้สึกกลัวเลยเพราะคนที่นี่ไม่คิดร้ายแถมขี้อายด้วยซ้ำไป ดังนั้นพวกเราจึงเดินชิวๆกลับที่พักอย่างปลอดภัย

วันนี้ที่หลวงพระบางสนุกมากจริงๆเรียกว่าเป็นวันที่สนุกที่สุดในทริป อยากจะอยู่ต่อแต่ด้วยเวลาที่น้อยพวกเราจึงตัดสินใจไปวังเวียงในวันพรุ่งนี้  สบายดีหลวงพระบาง :)

Comments