Slow life : The making of ceramic

 ไม่เคยคิดเลยว่าการปั้นดินจนกลายมาเป็นแก้วหนึ่งใบด้วยสองมือจะเป็นอะไรที่ยากขนาดนี้ เมื่อต้นเดือนได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมปั้นเซรามิคที่สวนลมหายใจอันสงบจิตที่จังหวัดราชบุรี ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองการใช้ชีวิตโดยการพึ่งตนเอง มีทั้งการสร้างบ้านดิน ปลูกผักกินเอง  กิจกรรมครั้งนี้เราได้วิทยากรจากประเทศเกาหลี เธอชื่อยูนิมีดีกรีเป็นถึงสถาปนิกที่นิวยอค์ก แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเธอจึงเบนเข็มตัวเองมาเป็นวิทยากรอิสระ ยูนิน่ารักมากๆ เธอสอนเราอย่างใจเย็นและมักจะชมว่างานของเรา very nice!!! อยู่เสมอ
 ขั้นตอนการปั้น
1. ดินที่เราใช้ปั้นได้มาจากด่านเกวียน ซึ่งดินแต่ละที่จะมีความแตกต่างกัน
2. เมื่อได้ปริมาณดินที่เหมาะสมแล้ว เราก็จะค่อยนวดเพื่อไล่ฟองอากาศและกำจัดหินเล็กๆออกไปให้ได้มากที่สุด
3. จากนั้นปั้นเป็นลูกกลมๆแล้วหาจุดกึ่งกลาง ค่อยๆเจาะลงไปเบาๆ
4.  ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการขึ้นรูปแก้ว โดยเราจะต้องรักษาแรงกดให้สม่ำเสมอทั้งใบเพราะถ้าบางเกินไปอาจจะทำให้แตกตอนได้เผา ขั้นตอนนี้ต้องใช้สมาธิมากๆ เพ่งจิตไปบนภาชนะที่เราปั้นเพราะถ้าเราเผลอใจลอย รับรองว่าแก้วเบี้ยวไม่เป็นทรงแน่นอน(ถ้าดินของเราแห้งขณะปั้น ให้เอามือค่อยจุ่มน้ำมาดแล้วลูบไปบนดินที่เราปั้น)
5. ปากของแก้วจะต้องมีความบางที่พอดี ปากเรียบเสมอเท่ากันทั้งใบ
6. ก้นของแก้วมีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่ว่าเราต้องการแบบไหนขึ้นอยู่กับความสวยงาม

อาจจะมองว่าเป็นเรื่องง่ายแต่จริงๆ ระหว่างที่เราทำจะพบเทคนิคอีกมากมายซึ่งก็แล้วแต่บุคคลเช่นกัน ระหว่างที่ปั้นเราจะพบกับความเงียบเหมือนมีแค่เรากับดินที่อยู่ในมือ สำหรับใครที่ใจร้อนแนะนำให้ลองมาเรียนปั้นดิน แล้วจะพบว่าใจคุณจะเย็นขึ้น ผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
 ตลอดสองวันหนึ่งคืน เราได้กินอาหารมังสวิรัติทุกมื้อซึ่งรสชาติอร่อย เป็นอีกหนึ่งอาหารแปลกที่ไม่เคยกินมาก่อน รวมถึงกิมจิที่ยูนิทำให้เรากินก็อร่อยมากๆ เกาหลีขนานแท้เลย
 วันที่สองพวกเราออกมาก่อเตาเผากัน เริ่มด้วยการย้ำดินในบ่อให้เข้ากัน ต่างคนต่างเหยียบ เหยียบไปคุยไปสนุกดี เมื่อดินได้ที่แล้วจากนั้นก็เริ่มก่อเตาได้เลย โดยใช้อิฐดินที่ทำไว้ก่อนหน้าแล้ว เตาที่เราสร้างมีลักษณะที่ปล่องอยู่ด้านบนเพื่อให้ความร้อบอบอยู่ภายในเวลาเผา ซึ่งเตานี้สามารถอบพิชซ่าได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่เรายังไม่ได้เผากันเพราะเตายังไม่แห้ง รวมถึงดินที่เราปั้นก็ยังไม่แห้ง

 รอบบ่ายพวกเรากลับมาปั้นดินต่อ แต่ครั้งนี้ใช้อีกเทคนิคซึ่งง่ายกว่าวิธีแรก ซึ่งสังเกตุว่าทุกคนดูสนุกกว่าครั้งแรกเพราะเราจะได้ภาชนะที่ใหญ่ขึ้น จากแก้วก็จะได้เป็นชาม
ตลอดสองวันจะมีกิจกรรมตั้งวงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน ซึ่งสำหรับเราแล้วอาจจะไม่ค่อยถนัดเพราะคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นนักคิดนักเขียน พูดง่ายๆคือคนละโลกกับเราที่ทำงานด้านแฟชั่น แต่ก็สนุกดีเพราะเคยมีคนบอกเราว่าการที่เราอ่านแต่หนังสือเดิมๆคุยกับคนประเภทเดิมๆ เราก็จะไม่ได้พัฒนาศักยภาพตัวเองสักที ถ้าเปรียบเทียบแล้วสองวันที่เราได้มาอยู่ที่นี่คงเหมือนเราได้อ่านหนังสือปรัชญา พระพุทธศาสนา และศิลปะไปพร้อมๆกัน ได้รู้จักกับคนที่ไม่ได้ใช้เงินในการดำรงชีวิตแต่เขาอาศัยการพึ่งพาอาศัยกัน การสร้างบ้านดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น เมื่อกลับมามองที่ตัวเองแล้ว เรากลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวในโลกวัตถุนิยม ยึดติดกับชื่อเสียงเงินทอง ยูนิทำให้เราได้เห็นในหลายๆอย่างว่าการที่ได้ทำงานดีในมหานครนิวยอค์กไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่การใช้ชีวิตแบบพอเพียงคือสิ่งที่เธอมีความสุข


ศาสตร์การปั้นเซรามิกเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรามาก เพราะเราจะไม่รู้เลยว่าเมื่อเผาออกมาแล้วจะเป็นสีอะไรเพราะบางทีสิ่งที่เราทำผิดพลาดอาจจะออกมาเป็นสิ่งที่สวยงามก็ได้ งานของยูนิที่เอามาให้เราดูแต่ละชิ้นขอบอกเลยว่าสุดยอดมาก เธอมีเทคนิคแปลกๆที่น่าสนใจทั้งการใช้สี เทคนิคการปั้นการเผา เราดีใจมากๆที่ได้รู้จักกับเธอเพราะเธอคือศิลปินตัวจริงทั้งแนวคิดและการใช้ชีวิต

Comments