India first time : Gangtok - Sikkim



หลังจากที่เรานั่งรถไฟจากกัลกาต้ารวมเวลาแปดชั่วโมงเศษ ในที่สุดเราก็มาถึง NJP ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง บรรยากาศเมืองนี้ในตอนกลางคืนคล้ายกับเมืองร้างที่เพิ่งมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยและเราก็เหมือนกลุ่มมนุษย์กลุ่มแรกๆที่เข้ามา เอาล่ะคืนนี้เรานอนกันที่นี้เพื่อเตรียมตัวเดินทางไป Gangtok ในพรุ่งนี้เช้า

อากาศหนาวกว่าที่เราคิด เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นก็เตรียมตัวออกเดินทางไป Gangtok ทันทีด้วยรถ Jeep แต่การเดินทางครั้งนี้เราได้เพื่อนร่วมเดินทางชาวอินเดียมาด้วยหนึ่งคนหรืออาจจะขอติดรถมาด้วยเฉยๆ ตอนแรกฉันไม่ค่อยพอใจนักที่เขามักจะมายุ่งวุ่นวายกับฉันเพราะเขานั่งอยู่เบาะหลังและดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ แต่เมื่อฉันเริ่มมีอาการเมารถเมากับวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทางโค้งและฝุ่นควัน ชาวอินเดียคนนี้ก็เอาเข็มขัดนิรภัยที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมาให้ฉันและแบ่งปันหมากฝรั่งสีชมพูดหวานแว๋ว ต่อด้วยการพูดจาภาษาอินเดียที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องตลอดการเดินทาง  ตอนนั้นฉันได้แต่คิดว่าแค่เมารถก็จะตายอยู่แล้วยังมาเมาคนอินเดียอีกนายจ๋า


ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ถึง Gangtok ซะแล้ว หมดกันความตั้งใจที่หวังชื่นชมวิวสองข้างทาง เมื่อมาถึงเมืองนี้ก็ต้องตกใจกับสภาพรถติดและตึกราบ้านช่องที่น่าฉงนเพราะเมือง Gandtok เป็นเมืองที่สร้างลงไปตามไหลเขา บ้านที่อยู่บนสุดจะเชื่อมกับชั้นล่างในลักษณะที่เหมือนชั้นใต้ดินแต่จริงๆแล้วมันคือชั้นล่างและชั้นล่างๆลงไป การเดินเท้าในเมืองนี้คือเหนื่อยมากๆเพราะต้องเดินขึ้นลงบันไดและเนินเขาแต่ยิ่งเดินก็ยิ่งสนุกเพราะเราจะเจอซอกมุมที่คาดไม่ถึงตลอดเวลา












Gangtok เป็นเมืองสบายๆ อากาศเย็นกำลังดีแต่เสียอย่างเดียวรถติดไปหน่อย
Gangtok เป็นเมืองที่อยู่ในระดับที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆรับได้เพราะเราจะไม่ได้เจอกับความเวรี่อินเดียอย่างเมืองกัลกาต้า คนอินเดียเริ่มมีหน้าตาออกไปทางจีนทิเบต แต่ก็อย่าไปไว้ใจหนุ่มวัยรุ่นฮิปเตอร์แถวนี้ล่ะ
Gangtok เป็นเมืองพักเพื่อที่จะต่อรถไป Lachung เมือง Sikkim ตอนเหนือ โดยที่เราจะต้องมีไกค์พาเราไป



ระหว่างทางจาก Gangtok ไป Lachung ตลอดเจ็ดชั่วโมงฉันไปกล้าที่จะหลับตาเพราะสองข้างทางที่สวยมากๆ สวยจนฉันกลัวว้่ฉันจะไม่สามารถเปิดใจรับความสวยงามของที่อื่นได้ ฝนที่เพิ่งหยุดตกทำให้หุบเขาที่รถขับขึ้นลงไปแล้วหลายลูกมีหมอกปกคลุม ฉันไม่เคยเห็นภูเขาที่สูงและซับซ้อนเพียงนี้เมื่อมองออกไปจะเห็นเหวที่ลึกลงไป ในใจก็ภาวนาขอให้ปลอดภัยเพราะฝนที่ตกทำให้น้ำไหลหลากพัดเอาหินลงมาปิดเส้นทาง
ระหว่างทางฉันจะเห็นนักเรียนที่เดินทางกลับบ้าน บ้างมาคนเดียวบ้างมากันหลายคน เดินบนถนนที่ไม่ค่อยสมบูรณ์เดินไปโดยไม่รู้จะถึงบ้านกี่โมงเดินมันไปเรื่อยๆเรียกว่ามีอิสระในการเดินทางกลัับบ้านอย่างเต็มที่ ฉันมองเห็นภูเขาที่มียอดเป็นหิมะไกลๆ มันไกลจนฉันคิดว่าคงอีกนานกว่าเราจะไปถึง ตาหลุนซึ่งเป็นไกด์ของเราบอกว่าตรงยอดนั้นล่ะที่เราจะไปถึงในวันพรุ่งนี้ ทำเอาฉันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก อากาศหนาวทำเอาฉันสั่นไปทั้งตัวหรืออาจเป็นเพราะฉันตื่นเต้นจนเกินไป





Comments